08 มกราคม 2552

มหาเทพซุส หรือซุส (Zeus) หรือ จูปีเตอร์ (Jupeter) เทพแห่งสายฟ้า เจ้าแห่งเทพทั้งปวง


หลังจากปราบยักษ์เสร็จปราศจากเสี้ยนหนามใดๆ แล้ว ซุสก็ขึ้นครองบัลลังก์รั้งอำนาจเต็มตลอด 3 ภพ คือ สวรรค์ พิภพและบาดาล แต่ซุสตระหนักดีว่า การที่จะปกครองทั้ง 3 ภพและทะเลให้ทั่วถึงมิใช่เรื่องง่าย เพื่อป้องกันการแก่งแย่งอำนาจและกระด้างกระเดื่อง ซุสจึงจัดสรรอำนาจยอมยกให้เทพภราดรมีเอกสิทธิในการปกครองอาณาเขตโดยให้เนปจูน (Neptune) หรือ โปเซดอน (Poseidon) ได้ครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและแม่น้ำทั้งปวง พลูโต (Pluto) หรือ ฮาเดส (Hades) เป็นเจ้าแห่งตรุทาร์ทารัสและแดนบาดาลทั้งหมดอันรัศมีของแสงอาทิตย์ไม่เคยส่องลอดไปถึงเลย ส่วน จูปิเตอร์ (Jupeter) หรือตัว ซุส (Zeus) เองปกครองทั้งสวรรค์และพิภพ แต่ก็มีอำนาจที่จะสอดส่องดูแลกิจการทั่วไปในเขตแดนของเทพภราดรทั้งสองได้บ้าง

หากกล่าวถึงบทบาทของซุสแล้ว ต้องยอมรับว่าซุสมีบทบาทขัดแย้งในองค์เองมากที่สุดในบรรดาเทวะด้วยกัน เนื่องจากทรงเป็นมหาเทพผู้ทรงอำนาจสูงสุด และมีผู้เคารพนับถือโดยทั่วไป เป็นที่ยำเกรงของสามโลก ทรงไว้ซึ่งฤทธิ์อำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน แต่กลับทรงมีอุปนิสัยเหมือนบุรุษหนุ่มธรรมดาๆ บางคน นั่นคือ ความเกรงใจที่มอบให้แก่มหาเทวีเฮรา ผู้เป็นชายา หากพูดกันตามประสา ก็คือ "กลัวเมีย" และสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความเจ้าชู้ที่มีอยู่ในตัวมหาเทพซุสนั่นเอง

ความขัดแย้งอีกประการหนึ่งก็คือ แม้ว่าซุสมีอำนาจสูงสุดทั่วทั้งสามภพ แต่ไม่อาจใช้อำนาจของตนไปแตะต้องเทพองค์หนึ่งได้ ทั้งๆ ที่เทพองค์นั้นก็เป็นเพียงเทวะชั้นรอง และไม่สามารถมาประชันขันแข่งกับซุสเทพบดีได้ เทพองค์นั้นมีนามว่า ชะตาเทพ (Fate) แสดงว่าไม่มีผู้ใดเลย แม้แต่เหล่าทวยเทพจะหาญสู้ หลีกเลี่ยง หรือก้าวก่ายกับชะตาชีวิตได้

รูปสลักของซุสมีลักษณะเป็นบุรุษสูงวัย ล่ำสันแข็งแรง พักตร์มีสง่าราศี กอปรด้วยเครายาวและเกศาหยิกสลวย ซุสมี อสนีบาต (Thunder bolt) เป็นอาวุธประจำกาย ทรงเกราะทองประกายวาววับ ซึ่งเกราะทองนี้ไม่มีมนุษย์สามัญจะทนมองได้ แม้แต่ทวยเทพด้วยกันเอง หากไปเพ่งมองแสงเจิดจ้าของเกราะทองเข้าก็ย่ำแย่เช่นกัน ทรงมีพญานกอินทรีเป็นนกเลี้ยง ต้นโอ๊คเป็นพฤกษาประจำองค์ มีมหาวิหารและศูนย์กลางศรัทธาในตัวพระองค์อยู่ที่เมืองโอลิมเปีย

ซุสออกจะถนัดถนี่ในการล่อลวงสตรีสาวสวยยิ่งกว่าเหล่าเทพองค์ใดๆ เท่าที่เคยมีมา ทรงปลอมเป็นวัวสีขาวสง่างาม ไปหลอกโฉมงามนางยูโรปา (Europa) ไปเชยชมที่เกาะครีต นอกจากนี้ยังทรงแปลงเป็นหงส์ไปก้อร่อก้อติกสาวงามนาม ลีดา (Leda) จนนางตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นไข่ ครั้นไข่แตกออก แทนที่จะเป็นตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งหงส์โผล่ออกมาอย่างตำนานทั่วไป กลับกลายเป็นฝาแฝดชายคู่หนึ่ง ได้แก่ คัสเตอร์ (Castor) กับ โพลิดียูซิส (Polydeuses) หรือ พอลลักซ์ (Pallux) ในภาษาโรมัน สิ่งที่ทำให้ทารกคู่นี้เป็นพยานความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับมนุษย์คือ คนหนึ่งมีกายเป็นอมตะดั่งเทพ แต่อีกคนหนึ่งตายได้อย่างมนุษย์สามัญธรรมดา นอกจาก ฝาแฝดชายคู่นี้แล้ว ลีดายังมีแฝดหญิงอีกคู่หนึ่ง ซึ่งกระเดื่องเลื่องชื่อที่สุดในตำนานกรีกโบราณ หนึ่งนั้นนามว่า เฮเลน (Helen) ต้นเหตุของมหาสงครามกรุงทรอย อีก หนึ่งคือ ไคลเตมเนสตร้า (Clytemnestra) ซึ่งต่อมาได้เป็นมเหสีของ อกาเมมนอนแห่งไมซีนี่ (ความสัมพันธ์สวาทของนางลีดากับพญาหงส์ปลอมที่มหาเทพซุสทรงจำแลงมานั้นเป็นไปอย่างซ่อนเร้น เพราะลีดาเป็นมเหสีของท้าว ทินดาริอุส (Tindarius) แห่งสปาร์ต้า เมื่อลีดาให้กำเนิดเฮเลนและไคลเตมเนสตร้า ทินดาริอุสก็นึกว่าเป็นธิดาของพระองค์)

ยังมีเรื่องพิศวาสระหว่างซุสกับนวลอนงค์อื่นๆ อีกมาก อาทิสัมพันธ์รักกับนางไอโอ ที่เป็นยายของวีรบุรุษ เฮอร์คิวลิส รักกับไดโอนีและมีธิดา นามว่า อโฟรไดท์ พิสมัยกับไมอาและมีโอรสนามว่า เฮอร์มิส ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น